หุ่นเพรียวอย่างปลอดภัย
เคยหรือไม่กับการส่องกระจกแล้วแทบไม่อยากออกจากบ้าน
แล้วเคยหรือไม่กับการขาดความมั่นใจเพราะไปไหนมาไหนก็มีห่วงยางตามติดตัว
นอกจาก “ความอ้วน” ที่คอยเกาะติดตัวคุณเป็นเงาตามตัวนี้จะทำให้คุณขาดความมั่นใจแล้วยังเป็นสาเหตุการมาของโรคต่างๆอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดัน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดตีบตัน
โรคไขมัน และโรคอื่นๆอีกมากมาย เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว
คุณยังจะเก็บโรคพวกนี้ไว้กับตัวคุณอีกเหรอ
เรามากำจัดความอ้วนออกจากชีวิตของเรากันเถอะค่ะ
โรคอ้วนคืออะไร ?
“ความอ้วน” ในที่นี้คือ ความอ้วนที่มีมากเกินไป การมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าที่ควร ไม่ใช่อ้วนกำลังดี อ้วนพองาม หรือ อ้วนกำลังสวย คำว่า “อ้วน” ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน หมายถึง มีเนื้อและไขมันมาก โต อวบ ซึ่งเป็นความหมายที่ไม่น่าพึงปรารถนาของคนทั่วไป เช่น หากคุณถูกทักว่า “ดูอ้วนขึ้นนะ” “ทำไมเดี๋ยวนี้อ้วนจัง” คุณก็คงไม่ค่อยที่จะพอใจนัก
“ความอ้วน” ในที่นี้คือ ความอ้วนที่มีมากเกินไป การมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าที่ควร ไม่ใช่อ้วนกำลังดี อ้วนพองาม หรือ อ้วนกำลังสวย คำว่า “อ้วน” ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน หมายถึง มีเนื้อและไขมันมาก โต อวบ ซึ่งเป็นความหมายที่ไม่น่าพึงปรารถนาของคนทั่วไป เช่น หากคุณถูกทักว่า “ดูอ้วนขึ้นนะ” “ทำไมเดี๋ยวนี้อ้วนจัง” คุณก็คงไม่ค่อยที่จะพอใจนัก
คนอ้วนหรือคนที่เป็นโรคอ้วนนั้น หมายถึง ผู้ที่มีปริมาณไขมันอยู่ในร่างกายมากเกินกว่าเกณฑ์ปกติซึ่งตามหลักสากลกำหนดว่า “ผู้ชาย ไม่ควรมีปริมาณไขมันในตัวเกินกว่าร้อยละ 12-15
ของน้ำหนักตัว ส่วน
ผู้หญิง
ไม่ควรมีไม่ควรมีปริมาณไขมันในตัวเกินกว่าร้อยละ 18-20
ของน้ำหนักตัว” ซึ่งในการตรวจหาปริมาณไขมันนั้นทำได้ยากเพราะต้องทำในห้องปฏิบัติการ
ในปัจจุบันจึงมีค่าวัดที่เรียกว่า “ดัชนีมวลกาย”
หรือ BMI นั่นเอง โดยเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้วว่าหากมีเลขดัชนีมวลกายเกินเลข 24 ถือว่าเป็นภาวะผิดปกติที่เรียกว่า “โรคอ้วน” นั่นเอง ทั้งยังถือได้ว่าเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดโรคร้ายหลายชนิด
หรือ BMI นั่นเอง โดยเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้วว่าหากมีเลขดัชนีมวลกายเกินเลข 24 ถือว่าเป็นภาวะผิดปกติที่เรียกว่า “โรคอ้วน” นั่นเอง ทั้งยังถือได้ว่าเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดโรคร้ายหลายชนิด
สาเหตุของโรคอ้วน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายมีน้ำหนักมากเกินขนาด
เนื่องมาจากการทานอาหารมากเกินกว่าที่ควร มากเกินกว่าที่ร่างกายจำเป็นต้องนำไปใช้
อาหารส่วนเกินนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดก็จะเกิดการสะสมในรูปของไขมันและเก็บไว้ในร่างกาย
เมื่อนานๆเข้าหากไม่มีการกำจัด น้ำหนักก็จะเพิ่ม โดยเหตุนี้คนเป็นโรคอ้วนจึงมีปริมาณไขมันสะสมมากกว่าปกติ
ซึ่งในต่างประเทศก็ได้มีการทดลองกับสัตว์ทดลองหลายประเภท เพื่อหาสาเหตุของโรคอ้วน
โดยได้ข้อสรุปของปัญหามาจากสาเหตุต่อไปนี้
1. ร่างกาย
(Body) เช่น กรรมพันธุ์
มีหลักฐานยืนยันว่าถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นคนอ้วนทั้งคู่
ลูกก็มีโอกาสที่จะอ้วนมากกว่าผู้ที่เกิดจากพ่อแม่ไม่อ้วน เข้าทำนอง “ ดูช้างให้ดูหาง
ดูนางให้ดูแม่
แต่ถ้าดูให้แน่ต้องดูปู่ย่าตายายด้วย ” จากการสำรวจในสหรัฐอเมริกาปรากฏว่า
ลูกจะมีโอกาสอ้วนถึง 80% ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งคู่
ถ้าพ่อหรือแม่คนใดอ้วนเพียงหนึ่งคนลูกจะมีโอกาสอ้วน 40%
แต่ถ้าหากไม่มีใครอ้วนเลยทั้งพ่อและแม่ ลูกก็จะมีโอกาสอ้วนเพียง 7% เท่านั้น
2. สารหรือตัวการ (Agent) การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย เช่น
ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือการให้นมทารก ทำให้มีความอยากอาหารมากขึ้น
เมื่อทานอาหารเกินความต้องการน้ำหนักจะมากตามไปด้วย ถ้าหากปล่อยไว้ไม่แก้ก็จะอ้วน
โรคภัยไข้เจ็บก็จะมาเยือน สารบางอย่างในสมอง
หรือในระบบประสาทมีผลทำให้ทานมากผิดปกติ และเกิดโรคอ้วนได้ง่าย
นอกจากนี้การผ่าตัดและการใช้สารเคมีที่อันตรายกับสมองส่วนหน้าก็ยังมีผลทำให้อ้วนด้วยเช่นกัน
3. สิ่งแวดล้อม (Environment)
นิสัยการทานที่ไม่ดี อิ่มแล้วก็ยังทานโน่นทานนี่ทั้งวัน หรือ ชอบทานอาหารไขมันสูงๆ
อาหารมันจัด หรือทานมากแต่ใช้แรงน้อย ไม่ได้มีการออกกำลังกาย ทั้งนี้ภาวะ-
เศรษฐกิจและสังคม ก็เป็นส่วนหนึ่ง หรือแม้แต่ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมก็เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
ผู้ที่มีโรคอ้วนบางรายมาจากสภาพปัจจัยไม่ปกติ
เช่น การผิดหวังในเรื่องความรัก หรือ การขาดความดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่
ในเรื่องสิ่งแวดล้อมนี้จะเห็นได้ว่าสาเหตุใหญ่ตัวสำคัญเกิดจากความเจริญทางวิชาการ
และเกษตรกรรม รวมทั้งเทคนิคทางด้านอาหารที่มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น
ในระยะหลังมีการปรับลักษณะรูปร่างของอาหารน่าทานขึ้น สามารถทานได้อย่างรวดเร็วอย่างที่เราเรียกว่า
“ฟ้าสฟู๊ด” นั่นเอง และยังมีการคิดค้นเครื่องผ่อนแรงต่างๆ
ทำให้คนไม่ต้องออกแรงในการทำงานมาก อาหารที่ทานเข้าไปจึงถูกนำมาใช้น้อยมาก
เมื่อเหลือก็จะเกิดการสะสมในร่างกาย นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอ้วน
อันตรายจากความอ้วน
“ความอ้วน”
ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความไม่สวยงามเท่านั้น
แต่ความอ้วนยังเป็นเสมือนมะเร็งเนื้อร้ายที่เกาะกินทำลายจิตใจเจ้าของเรือนร่างอีกด้วย
ทั้งนี้จากการศึกษาทางการแพทย์ เราพบว่า
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐานมักจะขาดความมั่นใจในตัวเอง แม้จะประสบความสำเร็จในด้านอื่นๆก็ตาม ผู้ที่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐานจะเสี่ยงต่อโรคภัยต่างๆ
มากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
และแน่นอนว่าผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าคนทั่วๆไป
เพราะมักจะมีโรคแทรกซ้อนมากมาย เช่น
1.
ภาวะไขมันในเลือดสูง เป็นภาวะที่นำไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ
โดยเฉพาะเมื่อไขมันไปเกาะที่ ผนังหลอดเลือดก็จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และ
ความดันโลหิตตามมา
2.
ความดันโลหิตสูง
หากเป็นมากๆอาจทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก
ถึงแก่ชีวิตและเป็นอัมพาตได้
3. โรคหัวใจและหลอดเลือด ในปัจจุบันโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศที่ทำการอุตสาหกรรม
หรือ ประเทศพัฒนาแล้ว
รวมทั้งประเทศไทยด้วยสาเหตุของโรคเนื่องมาจากการที่ไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือดทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน
หัวใจทำงานเพิ่มขึ้นถ้าหากเกิดกับเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ
ก็จะทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และหัวใจวายถึงแก่ชีวิตได้
4. โรคเบาหวาน มักพบคู่กันเสมอในคนที่เป็นภาวะโรคอ้วนอยู่
เมื่อเป็นเบาหวานมักเป็นแผลเรื้อรังไม่หาย
บางรายแผลกดทับในรายที่ต้องนั่งหรือนอนนานๆ ประกอบกับการเสี่ยงที่จะติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น
เพราะมีการอับชื้นตามซอกแขนซอกขามากกว่าปกติ
5.
โรคข้อกระดูกเสื่อม
โดยเฉพาะข้อเข่า และ ข้อเท้า
เนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัวที่มากเกินพิกัดบางคนอ้วนมากๆ อาจยืนหรือเดินไม่ได้เลย
เพราะข้อเท้าไม่สามารถที่จะรับน้ำหนักได้
6.
โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากคนอ้วนมักเคลื่อนไหวตัวน้อย
เพราะชอบที่จะนั่งหรือนอนมากกว่า ปอดจึงขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้สามารถติดเชื้อทางทางเดินหายใจได้มากกว่าในคนปกติ
7.
โรคมะเร็งบางชนิดและ ปัญหาสุขภาพอื่นๆ
เราจะพบว่าคนอ้วนมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ รวมทั้งอัตราการเกิดมะเร็งมากกว่าคนที่มีสุขภาพดี
นอกจากปัญหาสุขภาพและการเกิดโรคต่างๆที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
คนอ้วนยังมีปัญหาสุขภาพทางจิตใจอีกด้วย
เริ่มตั้งแต่การโดนเพื่อนๆล้อเลียนเป็นเรื่องตลกทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง
และ เนื่องจากคนอ้วนมักออกกำลังกาย หรือกิจกรรมพิเศษน้อยไป ทำให้อารมณ์ไม่เบิกบานแจ่มใสเท่าที่ควรอาจพบภาวะอารมณ์เศร้าหมองไปด้วย
โดยเฉพาะกับสาวๆ เมื่อมีความไม่สบายใจมักหาทางออกโดยการรับประทานของโปรด เช่น ไอศกรีม
ช็อคโกแล็ต
ซึ่งอาจทำให้อารมณ์ดีในช่วงนั้น
แต่ขณะเดียวกันนั่นกลับเป็นการทำร้ายตัวเองมากขึ้น
ลดหุ่นให้เพรียวอย่างปลอดภัย
การลดความอ้วนนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี
การลดความอ้วนที่ดีต้องเป็นการลดความอ้วนที่ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย
เพราะนอกจากเราจะได้หุ่นที่เพรียวแบบสมใจแล้วแล้ว
เรายังปลอดภัยจากผลกระทบที่เกิดจากสารเคมีอีกด้วย
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ โดยเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ และเป็นอาหารที่มีกิโลแคลอรี่ต่ำ
เช่นอาหารจำพวกผักและผลไม้
ควรทานให้ได้ทุกมื้อเพราะพวกผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่าย
และยังอุดมไปด้วยวิตามินที่สูง ทานแล้วก็ยังช่วยให้อิ่มท้องไม่หิวง่าย
ผลไม้ที่ช่วยในการลดน้ำหนักมีหลากหลายอย่าง ลองมารู้จักตัวอย่างผลไม้ลดน้ำหนักที่สาวๆต้องลิ้มลองกันเถอะค่ะ
1.1
แอปเปิ้ล ผลไม้สีแดงๆ เขียวๆ นี้ สามารถช่วยคุณสาวๆ ลดความอ้วนได้อย่างสบายๆ เลยล่ะ
เพราะแอปเปิ้ลได้ชื่อว่าเป็นราชาของผลไม้ลดน้ำหนัก เนื่องจากแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหาร
หรือไฟเบอร์มากมาย เมื่อทานเข้าไปแล้ว จะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มท้องนาน
เพราะน้ำตาลฟรักโทสในแอปเปิลจะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ
ช่วยให้ร่างกายไม่รู้สึกหิว นอกจากนั้นแล้ว
แอปเปิ้ลยังให้พลังงานเพียงแค่ 59 แคลอรี จึงไม่ทำให้อ้วน
แถมยังมีวิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย โดยเฉพาะ
"เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก มันจึงไปเพิ่มกากใยในอาหาร
ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ จึงช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยจับคอเลสตอรอล
และช่วยกำจัดสารพิษในร่างกายได้ด้วย
1.2
ฝรั่ง สุดยอดผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีชนิดนี้
ช่วยให้คุณลดความอ้วนได้ไม่ยาก เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ
แถมยังเคี้ยวเพลินอีกต่างหาก จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่อยากกินจุบกินจิบเรื่อย ๆ
ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว วิตามินซีในฝรั่งยังช่วยสร้างคอลลาเจน
ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ไร้ริ้วรอยอีกด้วย
1.3
แตงโม แตงโมลูกโต ๆ รสหวาน ๆ
ไม่ได้ทำให้คุณอ้วนแต่ประการใด เพราะแตงโม 1 ถ้วย
ให้พลังงานเพียง 50 แคลอรีเท่านั้น แถมยังให้ไขมันน้อยนิด
และยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำถึง 93% ของส่วนประกอบทั้งหมด
ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวเลยว่า แตงโม จะทำให้คุณสาว ๆ
อ้วนได้ ตรงกันข้าม หากรับประทานแตงโมแทนอาหารมื้อเย็นหนัก ๆ
ก็ช่วยลดความอ้วนได้ด้วย แต่ควรทานอย่างพอดี ไม่มากไปนะจ๊ะ
ไม่เช่นนั้นท้องไส้จะปั่นป่วนเอาได้ แถมยังต้องเข้าห้องน้ำปัสสาวะบ่อย ๆ ด้วย
1.4 ส้ม สาว ๆ
หลายคนมักแกะกากส้มออกจนหมด เพื่อให้ทานได้ง่าย ๆ แต่รู้ไหมว่า
คุณกำลังทิ้งของดีไปเสียแล้ว
เพราะกากใยของส้มนั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวให้สาว ๆ ได้
โดยกากใยจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว และช่วยทำให้ระบายท้องได้ดี อย่างไรก็ตาม
ส้ม เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับผลไม้ลดความอ้วนชนิดอื่น ๆ
ดังนั้น ควรรับประทานแต่พอดีแล้วกันนะ
1.5 มะละกอ มะละกอ เป็นผลไม้ที่ช่วยขับสารพิษของเสียออกจากร่างกาย
แถมยังช่วยกำจัดไขมันต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ด้วย โดยมะละกอมีเอนไซน์ปาเปน
ที่จะช่วยย่อยโปรตีน และย่อยอาหาร จึงช่วยลดน้ำหนักได้อีกทางด้วย
ส่วนใครที่อยากมีผิวพรรณสวย มะละกอ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสน
เพราะมะละกอมีวิตามินซี และเบตาแคโรทีนสูง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้
1.6
แก้วมังกร แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ช่วยให้คุณอิ่มท้องได้ง่าย
ๆ ไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น เพราะแก้วมังกรมีกากใยสูงและแคลอรีต่ำ แถมยังมีรสหวานอร่อย
หลาย ๆ คน จึงเลือกรับประทานแก้วมังกรเป็นอาหารเย็น หรือทานรวมกับผักสลัดอื่น ๆ
เพื่อช่วยลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องห่วงว่าจะความหวานจะไปเป็นไขมันสะสมในภายหลัง และนอกจากลดน้ำหนักแล้ว ผลพลอยได้จากแก้วมังกรที่คุณสาว ๆ
ไม่ควรพลาดอีกเช่นกันก็คือ แก้วมังกรเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีวิตามินซีสูงมาก
ดังนั้น จึงช่วยบำรุงผิวพรรณไปในตัว แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมดีต่อคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรด้วย
1.7 กีวี่ อีกหนึ่งผลไม้ยอดนิยมของสาว ๆ
ที่ปรารถนาจะลดน้ำหนักเลยล่ะ
เพราะกีวีเป็นผลไม้ที่มีกากใยมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25% ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและนาน
แถมยังมีวิตามินซี และวิตามินอีสูง ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง
และช่วยสลายไขมันในเลือดด้วย ใครที่ชอบทานกีวีจึงได้ประโยชน์จากกีวีแบบหลายเด้งเลย
1.8 เกรปฟรุต สุดยอดผลไม้ไดเอตที่กำลังเป็นที่นิยม
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การกิน "เกรปฟรุต"
ครึ่งลูกก่อนมื้ออาหารจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างเหลือเชื่อ
โดยสามารถลดปริมาณแคลอรีได้ถึง 150 แคลอรีต่อวันเชียวนะ
แถมเกรปฟรุตครึ่งลูกก็มีแคลอรีเพียงแค่ 39 แคลอรีเท่านั้นเอง
นอกจากการทานผักผลไม้แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงของมันต่างๆ
อาหารที่ปรุงจากการทอด
ควรเลือกทานเนื้อปลา ปู กุ้ง แทนพวกเนื้อหมูและเนื้อวัวเพราะจะให้กิโลแคลอรี่ที่น้อยกว่า
ที่สำคัญคือควรทานอาหารให้ครบทั้งสามมื้อ ครบ 5 หมู่
ไม่ควรอดอาหาร
2. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายจำเป็นต้องทำควบคู่กับการควบคุมอาหาร
ซึ่งถือได้ว่าการออกกำลังกายเป็นหัวใจหลักของการลดน้ำหนักเพราะเมื่อร่างกายใช้พลังงานมากกว่าที่ได้รับ
ร่างกายก็จะมีการนำเอาไขมันส่วนเกินที่เก็บสะสมไว้ออกมาเปลี่ยนเป็นพลังงานในการออกกำลังกาย
จึงทำให้น้ำหนักลดลง การออกกำลังกายมีผลดีต่อสภาพร่างกายในระยะยาว
และนอกจากสภาพร่างกายจะดีแล้ว สภาพจิตใจก็ยังจะดีขึ้นอีกด้วย
โดยการออกกำลังกายเราไม่ควรออกกำลังกายแบบหักโหมในแต่ละครั้งควรใช้เวลาประมาณ 30-60
นาที
3. ควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้วต่อวัน
4. ควรมีเครื่องชั่งน้ำหนักติดบ้านไว้
เพื่อจะได้เป็นแรงกระตุ้นในการลดน้ำหนัก
5. ห้ามใช้ยาลดน้ำหนักโดยเด็ดขาด
เพราะยาพวกนี้อาจจะทำให้สาวๆผอมได้จริงแต่ยาพวกนี้จะส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพของสาวๆจำนวนมาก
เช่น คอแห้ง ใจสั่น นอนไม่หลับ ท้องผูก
ยิ่งทานนาน 3-6 เดือน
สภาวะทางอารมณ์จะแปรปรวน หากตรวจปัสสาวะจะเป็น Positive คือเป็นบวก
ปัสสาวะคนที่กินยาลดความอ้วนจะเป็น "สีม่วง"
ปัจจุบันนี้มีเพียงกลุ่มเดียวที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองและตรวจสอบแล้วว่า ทานได้
คือกลุ่ม เฟตามีน แต่ออกฤทธิ์ร้ายแรงมีผลต่อจิตและระบบประสาท ดังนั้น
การทานยาจำพวกนี้จึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
6. ต้องมีความตั้งใจจริงๆ ข้อนี้ถือเป็นข้อที่สำคัญมาก
เพราะหากเรามีความตั้งใจทุกอย่างก็เป็นไปได้ การลดน้ำหนักก็เช่นกัน
หากสาวๆไม่มีความตั้งใจ ไม่มีความอดทนกับมันจริงๆ การที่จะลดน้ำหนักให้ได้ผลก็เป็นไปได้ยากแน่นอนค่ะ
โรคอ้วน ถือว่าเป็นภัยใกล้ตัวที่บางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ
“คนอ้วนมีตั้งเยอะแยะกินๆไปเถอะไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“กินๆไปเถอะ อ้วนแล้วเดี๋ยวค่อยลดเอาก็ได้” หากคุณกำลังคิดอย่างนี้นั่นคือคุณกำลังทำร้ายตัวคุณเอง
เพราะยิ่งอ้วนมากเท่าไหร่อันตรายก็ยิ่งมากเท่านั้น เราควรรู้จักควบคุมตัวเองในการทานอาหาร
สำหรับสาวๆที่กำลังอ้วนอยู่แล้วอยากจะผอม เริ่มเลยค่ะ ไม่ต้องรอปีใหม่
หรือเทศกาลไหน ไม่มีคำว่าสายหากจะเริ่ม ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้สาวๆทุกคนกำลังต่อสู้กับความอ้วนนะคะ
แหล่งอ้างอิง
มนัสอี แสงวิเชียรกิจ. (1 ธันวาคม 2555) เมนูลดความอ้วน. ชีวจิต. 15
40
แพทย์หญิงอธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล.
(2556/16/กรกฎาคม) เคล็ดวิชาลดอ้วนคงหุ่นเป๊ะ. :
สูตรลดน้ำหนัก14วันตำรับชีวจิต. ชีวจิต.
ปีที่15.32
RaiN_FoNz (2551/21/พฤษภาคม) โรคอ้วนมาพร้อมกับอันตราย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.dek-d.com/board/view/1105334/ (25 พฤศจิกายน
2556)
กระปุกดอทคอม (2555/23/มีนาคม) 8 ผลไม้ลดความอ้วนที่สาวๆต้องลิ้มลอง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก
http://health.kapook.com/view38726.html (26 พฤศจิกายน 2556)
โดย นางสาวกริษฐา ฉัตรมณี ม. 5/1 เลขที่ 12
โดย นางสาวกริษฐา ฉัตรมณี ม. 5/1 เลขที่ 12
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น