บัวบกพืชแห่งคุณค่า 
             ในทุกวันนี้ผู้คนต่างให้ความสนใจในสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เต้นเอโรบิก  การรับประทานอาหารเสริม การรับประทานวิตามินต่างๆ และการรับประทานอาหารที่ส่วนประกอบของสมุนไพร ซึ่งสมุนไพรมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย สมุนไพรที่มีประโยชน์รอบด้านที่ได้ขึ้นชื่อว่า  “ยาสุดยอดแห่งชีวิต”  นั่นก็คือ บัวบก
                  ใบบัวบกหรือบัวบก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Centella  asiatica (L) Urban และยังมีชื่อท้องถิ่นหลายอย่าง ภาคใต้จะเรียกว่า “ผักแว่น” ภาคเหนือจะเรียกว่า “ผักหนอก”  ยังมีชื่ออื่นอีก เช่น กะโต่, Tiger’s Herb เป็นต้น บัวบกจัดเป็นสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดมาจากเอเชีย เป็นพืชล่มลุกขนาดเล็ก มีรสขมหวาน
                เมื่อพูดถึงบัวบกหลายๆคนคงจะนึกถึงสรรพคุณที่ว่าแก้ช้ำใน จะอกหักมาหรือถูกใครทอดทิ้งมาก็ให้กินน้ำใบบัวบกแก้ช้ำใน แต่ในความเป็นจริงแล้วบัวบกนั้นมีสรรพคุณมากมายไม่เฉพาะแค่แก้ช้ำในเพียงอย่างเดียว ยังมีสรรพคุณอื่นๆ อาทิเช่น การรักษาโรคต่างๆ อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องอืด ท้องเสีย  เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนล้าของสมอง
                บัวบกมีสรรพคุณมากมาย ซึ่งสรรพคุณเหล่านี้นั้นมาจากสารประกอบสำคัญๆหลายชนิด อย่าง บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์  ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ และยังมีกรดมาดิแคสซิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และกรดอะมิโน อย่างแอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสทีดิน เป็นต้น
                ใบบัวบกได้ ถูกนำมาใช้บำบัดอาการที่เกี่ยวข้องกับสมองมาเป็นเวลานาน และให้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือจนได้ชื่อเรียกว่า "อาหารสมอง" เพราะคนมัยก่อนเชื่อว่าการรับประทานจะช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองให้กับสมองและได้ผลดีทั้งในแง่ของการรักษาส่วนของสมองที่ถูกทำลายแล้วให้ดีขึ้น และยังป้องกันไม่ให้สมองที่ปกติอยู่ถูกทำลายหรือเสื่อมลง
                นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการลดความเครียดจากการทำงานหนัก ปรับปรุงระบบการรับส่งกระแสประสาท ปฏิกิริยารีเฟลกซ์ ( Refiex  Reoction )  หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวเรา เพิ่มความสามารถในการทำงาน ทั้งในแง่ของกำลังกาย และกำลังสมอง ควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้ปกติ  ลดภาวะความเป็นหมัน ช่วยชะลอความแก่หรือช่วยป้องกันร่างกายด้วยการกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย
                ปัจจุบันใบบัวบก ถือว่าเป็นสมุนไพรยอดนิยมของชาวตะวันตก ในเรื่องของประสิทธิภาพการผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของความทรงจำได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาทางเภสัชวิทยาเพื่อค้นหาสาระสำคัญ หรือสารออกฤทธิ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในใบบัวบกทำให้เราค้นพบว่า ใบบัวบกจะให้สารไกลโคโซด์       ( Glucosides )  หลายชนิดที่ให้ผลต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ( Antioxidotion )  ซึ่งส่งผลให้การลดความเสื่อมของเซลล์ อวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสารไกลโคไซด์ที่ได้จากใบบัวบกยังส่งผลในการช่วยเริงการสร้างสารคลอลาเจน ( Collagen ) ที่เป็นโครงสร้างของผิวจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการกระตุ้นให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น
                ใบบัวบกเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมาย ในตำราไทยระบุสรรพคุณของบัวบกโดยใช้ทั้งต้นดังนี้ แก้ช้ำใน บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ขับปัสสาวะ แก้อาการเริ่มโรคบิด แก้ท้องร่วง  เป็นยาขจัดเลือดเสีย แก้โรคผิวหนังได้ นอกจากอาการช้ำในแล้ว ใบบัวบกยังมีประโยชน์มากกว่านั้น การบริโภคใบบัวบกจะช่วยบำรุงสมอง ทั้งช่วยซ่อมแซมสมองส่วนที่ถูกทำลายไปแล้ว และช่วยป้องกันไม่ให้สมองส่วนที่ยังปกติดีอยู่นั้นถูกทำลายลงแถมยังช่วยให้ความทรงจำมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดความเครียดได้ด้วย ใบบัวบกยังช่วยกระตุ้นระบบการรับส่งกระแสประสาท ปฏิกิริยารีเฟลกซ์ (Refiex Reoction )หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและยังช่วยควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดภาวะความเป็นหมันได้อีกด้วย


บัวบกในศาสตร์แพทย์แผนจีน

                บัวบก ภาษาจีนเรียกว่า  “จิเสวี่ยเฉ่า”  หมายถึงหญ้าหรือสมุนไพรที่เสมือนมีหิมะสะสมตัวอยู่ คือ ฤทธิ์เย็น สามารถขับพิษร้อนและการอักเสบทั้งหลายได้ สำหรับคนที่มีปัสสาวะเย็นพร่อง ร่างกายขี้หนาว  และท้องอืดจะไม่เหมาะกับการใช้บัวบกในทางรักษา จะเหมาะสำหรับคนที่ขี้ร้อนชื้น การใช้บัวบกจึงไม่ควรดูแต่สรรพคุณเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงสภาพพื้นฐานของร่างกายเป็นสำคัญด้วย
                บัวบกมีแหล่งกำเนิดที่อินเดีย ญี่ปุ่น จีน อินโดนิเซีย ศรีลังกา อเมริกาใต้ และประเทศตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นพืชที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี ด้วยคุณสมบัติรักษาบาดแผล เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของสมอง รักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น โรคเรื้อนและโรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น จนมีเรื่องเล่าขานว่าแพทย์จีนโบราณท่านหนึ่งมีอายุถึง 200 ปี เพราะการกินสมุนไพรบัวบกเป็นประจำ บัวบกจึงได้สมญานามว่า “ยาสุดยอดแห่งชีวิต” 
                สรรพคุณบัวบก
                   1.ขับร้อน ขับชื้น
                        เนื่องจากรสขม ฤทธิ์เย็น ขมสามารถสลายชื้น เย็นสามารถขับร้อนได้ ดังนั้น โรคที่มีสาเหตุจากความชื้นกับความร้อนร่วมกัน เกิดการอุดกั้น จึงสามารถใช้บัวบกรักษาได้
                            -     ดีซ่าน ในทัศนะแพทย์แผนจีนเกิดจากภาวะร้อนขึ้น เมื่อความชื้นตกค้างในทางเดินอาหารไม่สามารถขับทิ้ง เกิดการอุดกั้นสะสมความร้อนจึงเกิดการรวมตัว เช่น เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีอักเสบ ฯลฯ หลักการรักษาดีซ่านใน จินคุ้ยเอี่ยวเลี้ย กล่าวไว้ว่า "โรคดีซ่านทั้งหลาย ให้ขับทางปัสสาวะ"  ให้ขับไฟด้านบน ขับชื้นด้านล่าง (ปัสสาวะ) ทำให้เสียชี่ (สิ่งก่อโรค) ออกทางปัสสาวะ ถ้าร้อนชื้นหาย ดีซ่านก็จะหาย
                             -     ท้องเสียในฤดูร้อน ฤดูร้อนมีอากาศร้อน มักมีความชื้นเข้าเกี่ยวข้องช่วงอากาศร้อนบริโภคของเย็นอาหารดิบมากเกินไป ทำให้เกิดความร้อนชื้น ปิดกั้นกระเพาะอาหารและลำไส้ เกิดอาการท้องเสีย ถ้าขจัดความร้อนชื้นออกไป ท้องเสียก็จะหยุด
                            -     นิ่วทางเดินปัสสาวะ เกิดจากความร้อนชื้นของทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะแสบขัด มีการอักเสบมีการสะสมตัวเป็นก้อนนิ่วเล็กๆ ได้การใช้บัวบกจึงเหมาะในการขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะ
                         -    โรคบิด อาการปวดเบ่งอุจจาระ หรือมีมูกมีเลือดปน เรียกว่ามีภาวะร้อนชื้นของลำไส้ บัวบกมีฤทธิ์เย็นรสขม เหมาะสำหรับการรักษาโรคบิด
                      2.ระบายร้อนขับไฟ
                      ไฟและความร้อนเป็นพลังหยาง มีสาเหตุจากภายนอก (ความร้อนของอากาศ สิ่งแวดล้อม) และจากความร้อน (ไฟ) ที่เกิดภายในร่างกาย ความร้อนเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการไข้ ตัวร้อน กระหายน้ำ เช่น การติดเชื้อทางเดินอาหารแล้วมีการอักเสบไข้สูง (แผนปัจจุบัน) ตาอักเสบบวมแดงรวมทั้งการอักเสบของผิวหนัง เช่น ไฟลามทุ่ง เป็นต้น                           -    อากาศร้อนในฤดูร้อน ทำให้เกิดไข้ อักเสบตัวร้อน กระหายน้ำเหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย พิษร้อนสะสมภายใน คือเสียชี่ (สิ่งก่อโรค) เข้าสู่ระดับชี่ การใช้บัวบกที่มีฤทธิ์เย็นรสขม จึงช่วยระบายความร้อนการอักเสบในฤดูร้อนได้ดี
                          -     ตาอักเสบบวมแดง เนื่องจากตับเปิดทวารที่ตา คือ โรคของตาอักเสบบวมแดง เกิดจากไฟตับขั้นสูงเบื้องบน ทำให้ระคายเคืองตา แพ้แสง คอขม คอแห้งปวดแน่นชายโครง ลิ้นแดง ปัสสาวะสีเข้ม ชีพจรเต้นเร็วการรักษาด้วยบัวบก จึงช่วยขับระบายไฟตับ
                         -    ไฟลามทุ่ง ผิวหนังอักเสบ เนื่องจากความร้อนที่รุนแรงเข้าสู่ระดับเลือด มีการปิดกั้นของความร้อนที่ผิวหนังในหนังสือ ถังเปิ่นเฉ่า บันทึกไว้ว่า "เอาบัวบกตำ และพอกรักษาความร้อนบวมของไฟลามทุ่ง" การกินบัวบก และการพอกภายนอกจะระบายความร้อน ขับไฟทะลวงซานเจียว ด้านบนวิ่งไปปอด ตรงกลางวิ่งไปม้าม กระเพาะอาหาร ด้านล่างวิ่งไป ไต ทำให้เลือดเย็นลดบวม ทะลวงความร้อนออกภายนอก ไฟลามทุ่งจะหายไปเอง
                 3.ลดบวมขับพิษ
                      เนื่องจากฤทธิ์เย็นและทำให้เลือดเย็น มีสรรพคุณขับไฟ ระบายความร้อน ระดับชี่ ระดับเลือด          รักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ลดอาการอักเสบ บวม สลายก้อนทำให้เลือดเบา  รักษาอาการเจ็บคอ   กลืนลำบาก  หรือคอเป็นหนอง  ซึ่งแพทย์จีนหมายถึง ภาวะปอดร้อน บัวบกมีฤทธิ์เย็นสามารถขับความร้อน   และพิษที่สะสมที่ปอดได้ บาดเจ็บช้ำในจากการกระทบกระแทก ใช้บัวบกตำละเอียดเฉพาะที่และกิน จะสลายภาวะเลือดอุดกั้นคั่งค้างทำให้ลดบวม ระงับการอักเสบปวดบวม
                   4.ทำให้เลือดเย็นหยุดเลือด
                          บัวบกมีสรรพคุณทำให้เลือดเย็นและสามารถหยุดเลือดได้ ทำให้เลือดเดินแต่เลือดไม่ออกจากเส้นเลือดทั้งทำให้เลือดเย็น หยุดเลือดและสลายเลือดทั้ง 2 ด้าน จึงนำมารักษาภาวะเลือดออก เช่น ไอเป็นเลือด เลือดกำเดาออก อาเจียนเป็นเลือด  อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการเลือดออกดังกล่าว ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัดเสียก่อน
                   5.ขับลม ขับพิษ
                         โรคผิวหนัง เช่น หัด หิด แพทย์จีนมองว่าเกี่ยวข้องกับลมความร้อนที่มากระทบ เกิดการอุดกั้นบริเวณผิวหนังทำให้เกิดผื่นคัน
                           -     หัด หรือไข้ที่มีผื่นร่วมด้วย จัดเป็นพิษร้อนจากภายนอกที่มากระทบร่างกาย และปิดกั้นอยู่บริเวณผิวหนังการขับพิษ ขับร้อน กระจายลมร้อนบริเวณผิวหนัง และทำให้เลือดเย็น สามารถรักษาโรคที่มีผื่นการติดเชื้อเช่นโรคหัดได้
                            -    หิด เป็นผิวหนังอักเสบ คัน มีตุ่มน้ำใส ๆ บางตำแหน่งหลังเกาแล้วจะเป็นแบบแห้ง จัดเป็นภาวะร้อนชื้นประเภทหนึ่ง ความขมของบัวบกจะสลายชื้น ฤทธิ์เย็นจะขับพิษ
                  6.ทำให้ก้อนนิ่มสลายการก่อตัวของก้อน
                     ก้อนต่างๆ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองโต ก้างปลาติดคอสามารถใช้คุณสมบัติในการทำให้เลือดเดินกระจายเลือดที่เกาะตัว ทำให้ก้อนนิ่มสลายก้อนได้
                ปริมาณที่ใช้
-    ใช้กิน : บัวบกแห้งปริมาณ 9-15 กรัม บัวบกสด ปริมาณ 20-50 กรัม
-    ใช้ทาพอกภายนอก : ตำให้ละเอียด เอาน้ำหรือเนื้อบดละเอียดปิดบริเวณที่จะรักษา
                 ข้อความระวังการใช้บัวบก
                   การกินบัวบกจะต้องพิจารณาพื้นฐานร่างกายด้วย อย่าพิจารณาแต่สรรพคุณของบัวบกเพียงอย่างเดียว  คนที่มีภาวะร่างกายพร่องและเป็นคนที่ร่างกายขี้หนาว กลัวความเย็น ระบบย่อยอาหารไม่ดี กินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น รสขม แล้วจะท้องอืด ท้องเสียง อาหารไม่ย่อย ไม่เหมาะกับบัวบกซึ่งมีฤทธิ์เย็น  บัวบกเหมาะสมกับคนมีภาวะแกร่ง ร้อน และความชื้นสะสม


บัวบกกับการศึกษาวิจัย


                     เมื่อไปสืบค้นงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับบัวบกก็พบว่ามีฤทธิ์ในการบำรุงสมองเช่นเดียวกับแปะก๊วย กล่าวคือ เพิ่มความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้ มีการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากบัวบกในคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ
                การทดลองในสัตว์ทดลองพบว่า บัวบกทำให้ลูกหนูมีความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้นทำให้เซลล์สมองของหนูแรกเกิดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความฉลาดมีพัฒนาการดีกว่าหนูในกลุ่มควบคุม ทำให้ปฏิภาณไหวพริบในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางของหนูดีขึ้น บัวบกยังเพิ่มสมาธิและความสามารถในการตัดสินใจเฉพาะหน้าในหนู
                ส่วนการศึกษาในมนุษย์พบว่า บัวบกทำให้เด็กพิเศษที่กินบัวบกวันละ500 มิลลิกรัมติดต่อกัน 3 เดือน มีความสามารถเรียนรู้ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุม นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ โดยใช้สารสกัดบักบก 750 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 2 เดือน พบว่าความจำ การเรียนรู้ และอารมณ์ของคนสูงอายุดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้มีการวิจัยในผู้หญิงอายุเฉลี่ย 33 ปี โดยได้รับสารสกัดบัวบก 500 มิลลิกรัม วันละ ๒ ครั้ง พบว่าช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลดความเครียดและอาการซึมเศร้า
                ส่วนการศึกษาในระดับเซลล์ถึงกลไกการออกฤทธิ์บำรุงสมองพบว่า บัวบกทำให้การหายใจในระดับเซลล์สมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของสารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า อะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง เสริมฤทธิ์การทำงานของสารกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่รักษาสมดุลของจิตใจ ทำให้ผ่อนคลายและหลับได้ง่าย นอกจากนี้ บัวบกยังทำให้หลอดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น
                ผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในการใช้บัวบกเป็นอาหารเพิ่มไอคิว เพิ่มความฉลาด หรือเพิ่มความสามารถในการจำและการเรียนรู้ในเด็ก โดยเฉพาะในเด็กพิเศษ รวมไปถึงเด็กสมาธิสั้น ส่วนในคนทั่วไปบัวบกจะช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในวัยชราหรืออัลไซเมอร์ รวมทั้งช่วยคลายเครียดทำให้มีสมาธิในการทำงาน ปัจจุบันในประเทศสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศ มีบัวบกแคปซูลวางจำหน่ายในสรรพคุณบำรุงสมอง (brain tonic)
                นอกจากนี้ บัวบกยังมีฤทธิ์ต้านอักเสบ เพิ่มการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดความดันเลือดจากการเพิ่มความยืดหยุ่นให้หลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดดำขอดไว้ รวมทั้งช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ปัจจุบันครีมบัวบกถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ในสรรพคุณรักษาแผล ป้องกันการเกิดแผลเป็น


บัวบกกับความงาม

                สรรพคุณของบัวบกที่เกี่ยวกับผิวพรรณ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้บัวบกช่วยรักษาสิว จุดด่างดำ ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเกิดจากการบีบสิว กดสิว เค้นสิว หรือแม้กระทั่งรอยตีนกาก็สามารถช่วยให้ลดลงได้ ในใบบัวบกมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งจากภายในและภายนอก สารที่ช่วยในการรักษาสิวที่เด่นๆนั้นคือ สารไกลโคไซด์ (Glucosides) ซึ่งได้รับการทดลองมาแล้วว่าช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และที่สำคัญสามารถช่วยผิวฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจน อิลาสติน ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ถูกทำลายเวลาที่เกิดรอยแผลสิว หรือริ้วรอยของวัย ให้เพิ่มมากขึ้นทดแทนชั้นผิวที่ถูกทำลายไป บัวบกจึงสามารถใช้รักษาจุดด่างดำจากสิว รอยแดง รวมไปถึงริ้วรอยของวัยได้อีกด้วย
                นอกจากนี้สารในใบบัวบกยังสามารถต้านพวกเชื้อจุลินทรีย์ได้ดีอีกด้วย เช่น การต้านเชื้อ S.aureus ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการเป็นหนองขึ้น  เวลาเป็นสิวหัวหนองเอามาแต้มที่สิวจะช่วยลดหนองได้เป็นอย่างดี  การใช้บัวบกเพื่อการรักษาสิวนั้นสามารถใช้ได้ทั้งกินและทาควบคู่กันไป มาดูสูตรรักษาสิวด้วยใบบัวบกกันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง
                สูตรน้ำใบบัวบก ช่วยรักษาสิวจากภายใน
                    น้ำใบบัวบกนั้นจัดเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยแก้อาการช้ำใน อาการร้อนในได้เป็นอย่างดี โดยทางการแพทย์จีนบอกว่าสิวเกิดจากการที่ในร่างกายของเราร้อนเกินไป การดื่มน้ำใบบัวบกเข้าไปจะไปช่วยดับร้อนภายใน ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ส่งผลช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้ดีและยังช่วยให้เวลาที่เป็นสิวสิวจะหายได้เร็วมากยิ่งขึ้น

                  ส่วนผสมน้ำใบบัวบก
                       ใบบัวบก 100 กรัม
                        น้ำต้มสุกพออุ่น 200 มิลลิลิตร
                        เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
                        น้ำตาล   1   ช้อนชา
                  วิธีทำน้ำใบบัวบก
                     นำใบบัวบกนำมาหั่นเป็นท่อนๆพอประมาณ จากนั้นนำไปตำด้วยครกที่สะอาด ถ้าไม่เคยผ่านการตำพริกมาจะดีมาก หรือถ้าใครอยากได้รสชาติแบบเผ็ดนิดๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าใครมีเครื่องปั่นก็ใช้เครื่องปั่นก็ได้สะดวกดี  พอตำหรือปั่นพอละเอียดแล้วให้ใส่น้ำต้มสุก 200 มิลลิลิตรเข้าไป หรือประมาณ 2 แก้วน้ำขนาดปกติ แล้วก็ปั่นให้เข้ากัน จากนั้นนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง พอกรองเสร็จก็ให้บีบใบบัวบกที่อยู่ในผ้าให้หมดจนหยดสุดท้ายด้วย จะได้น้ำใบบัวบกที่เข้มข้นมากๆ  จากนั้นก็เติมเกลือป่น 1/2 ช้อนชา และน้ำตาล 1 ช้อนชาตามลงไป คนให้น้ำตาลและเกลือละลายเป็นอันใช้ได้ เวลาดื่มจะได้ง่ายหน่อย  น้ำใบบัวบกนั้นเรื่องรสชาติก็คงไม่เท่าไรแต่กลิ่นนี่เหม็นเขียวได้ใจเลย ใครกินครั้งแรกอาจจะกินไม่ลงได้ต้องทนๆ ไปก่อน แต่ถ้าใครกินแบบสดๆได้โดยไม่ต้องใส่น้ำตาลกับเกลือได้เลยจะดีมาก

             สูตรพอกหน้าด้วยใบบัวบก
                 สูตรพอกหน้าด้วยใบบัวบกนั้นเป็นสูตรที่ทำได้ง่ายๆที่บ้าน วิธีทำก็แค่หาใบบัวบกมาตำหรือจะปั่นก็ได้ โดยใส่น้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็นำมาพอกหน้าทิ้งไว้สัก 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออก จะให้ดีก็พอกมันทั้งน้ำทั้งกากเลยจะได้สารไกลโคไซด์(Glucosides) เยอะๆ  คอลลาเจนจะได้โตเร็ว ก่อนเอามาตำอย่าลืมล้างน้ำให้สะอาดก่อนโดยเอาไปแช่น้ำไว้สัก 20 นาทีก่อนแล้วก็ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นค่อยเอามาตำ ไม่งั้นเดี๋ยวจะได้สิ่งแปลกปลอมแถมมา
             สูตร 3 ทหารเสือพอกหน้า (ใบบัวบก + ขมิ้นชัน + น้ำผึ้ง)
                สูตรนี้เป็นสูตรพอกหน้าที่ใช้ลดการเกิดสิว ลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหน้า  เหมาะกับคนผิวแห้งเป็นอย่างมาก แต่ผิวมันก็ใช้ได้เหมือนกัน วิธีทำก็เอาน้ำใบบัวบกที่คั้นออกมาได้จากสูตรข้างบน ผสมผงขมิ้นชัน(สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด) และน้ำผึ้งลงไปในอัตราส่วน
                   น้ำใบบัวบก 2 ช้อนโต๊ะ
                   ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา
                   น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
                คนส่วนผสมทั้ง 3 ให้เข้ากัน จากนั้นก็เอาครีม 3 ทหารเสือที่ได้มาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยให้ริ้วรอยจากสิวดูจางลง และช่วยลดการเกิดสิวใหม่ ส่วนสิวที่ขึ้นก็จะแห้งเร็วและจะไม่ค่อยอักเสบ
                สำหรับสูตรดื่มน้ำใบบัวบกนั้นสามารถดื่มได้ทุกวันตามความพอใจ อาจจะคั้นไว้เยอะๆ แล้วแช่ตู้เย็นไว้ก็ได้สะดวกและช่วยให้ดื่มได้ง่ายขึ้น ส่วนสูตรพอกหน้าด้วยใบบัวบกนั้นทำ 3 วันต่อสัปดาห์ก็พอ พอกบ่อยๆเดี๋ยวจะกลายเป็นไปรบกวนหน้ามากเกินไป หากใครสามารถใช้ใบบัวบกทั้งกินและทาไปควบคู่กันได้ รับรองได้เลยว่าผิวหน้าจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สิวและรอยสิวก็จะจางลง แต่ต้องใช้เวลานานหน่อยอย่างน้อยๆ ก็ 3 เดือนกว่าจะเห็นผล ของธรรมชาติก็อย่างนี้แหละนานหน่อยแต่ว่าชัวร์ "ช้าแต่ชัวร์ ก็ยังดีกว่าเร็วแต่เสี่ยง"

กินบัวบกให้ถูกวิธี
               
                บัวบกนอกจากจะกินสด เดี๋ยวนี้ยังเห็นนิยมทำเป็นเมี่ยง หรือคุกกี้ ซึ่งถ้ากินในปริมาณน้อย 2-3 ใบ ไม่มีปัญหา จะกินบ่อยๆ หรือทุกวันก็ได้ ถ้าต้องกินบัวบกแก้ช้ำใน ร้อนใน กินน้ำคั้นบัวบก วันละ 9 ช้อนแกง ติดต่อกัน 5-7 วัน ก็ยังไม่เป็นไร (ยกเว้นบางคนที่แพ้) หรือบางคนกินใบบัวบกสดๆ เป็นผักจิ้มทีละ 10-20 ใบ อาทิตย์หนึ่งกินทีหนึ่ง หรือ 10 วันกินทีหนึ่งก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากินทีละมากๆ เช่น กินน้ำคั้นบัวบกครั้งละ 2-3 แก้ว และกินนานๆ ติดต่อกันเป็นสิบๆ วัน หรือกินใบสดวันละ 10-20 ใบ ติดต่อกันเป็นสิบๆ วัน การกินแบบนี้อาจเกิดพิษขึ้นได้ สรุปว่า ถ้ากินบัวบกในขนาดพอดีแล้วไม่เป็นไร แต่ถ้ากินมากเกินไปก็จะทำให้ธาตุเสียสมดุล

             บัวบกไม่ได้มีประโยชน์แค่รับประทานเพียงอย่างเดียว  ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่ได้กล่าวมา  อย่างน้ำใบบัวบกที่ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร แก้ร้อนใน ประโยชน์ในแพทย์แผนจีน ที่ได้ขึ้นชื่อว่า “ยาสุดยอดแห่งชีวิต”  ประโยชน์เกี่ยวกับสมองที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้  เพิ่มความจำ  ชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ประโยชน์ในเรื่องของความงาม ทั้งช่วยรักษาสิว จุดด่างดำจากสิว รอยแดง รวมไปถึงร่องรอยของวัย  แต่บัวบกจะมีประโยชน์มากแค่ไหนก็ควรคำนึงถึงร่างกายของตัวเราเองและความพอดีด้วย

จัดทำโดย
นายอิทธิพัทร์  หลำโส๊บ เลขที่ 11 ม.5/1

อ้างอิง


ระพีพรรณ ใจภักดี.  (2545).   ผักใบ = Green vegetables.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  กรุงเทพฯ : แสงแดดเพื่อนเด็ก,

สุวิมล โต่นวุธ.  (2555).  กินบัวบก ลดความดัน กันเบาหวาน.  พิมพ์ครั้งที่ 1.  กรุงเทพฯ : กรีน-ปัญญาญาณ,

หมอลำดวน อุ่นใจ.  (2555).  กินใบบัวบก เลิกพึ่งยาหมอ.  พิมพ์ครั้งที่ 1.  กรุงเทพฯ : แบงค์คอกบุ๊คส์,

ผศ.ภก. ชาญชัย สาดแสงจันทร์. (2554).   เภสัชโภชนา กินผักให้เป็นยา สมุนไพรสามัญประจำบ้าน
        ป้องกัน    รักษา และต้านโรคด้วยตนเอง (ยาสมุนไพร ผักสมุนไพร).  พิมพ์ครั้งที่
2.  กรุงเทพฯ : บุ๊คส์  
        ทู ยู,

Untitle.  สูตรจัดการสิวหนอง รอยสิว จุดด่างดำด้วยใบบัวบกสมุนไพรธรรมชาติ.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก
       : http://acnedefend.blogspot.com/2013/07/centella-asiatica-for-acne.html  ( 29 ธันวาคม 2556 )

ภกญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร.  บัวบกสมองสดใสคืนสู่วัยหนุ่มสาว.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก
       : http://www.doctor.or.th/article/detail/14285  ( 29 ธันวาคม 2556 )
 









0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

About this blog

Research & Knowledge Formation

Blog Archive